วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ประวัติผู้สร้าง
ประวัติผู้สร้าง
นางสาวธิดานันท์ จิตหมั่น ชื่อเล่น เจมส์
กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขต สงขลา
สาขา การตลาด ปี 2\1
รหัสนักศึกษา 156405090045-9
เบอร์ติดต่อ 095-7865598
สถานที่เที่ยวใกล้เคียง
สถานที่เที่ยวใกล้เคียง
กาญจนบุรีเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์
และธรรมชาติอันงดงามที่ท้าทาย และดึงดูดใจให้นัก ท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือน
การมาเที่ยวชมเขื่อนจึงสามารถแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียงได้
มากมายดังนี้
- สะพานข้ามแม่น้ำแควหรือทางรถไฟสายสันติภาพ เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่สะท้อน ให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร บริเวณใกล้เคียงกับสะพานนั้นมีหัวรถจักรเก่า ซึ่งเคยใช้งานในเส้นทางสายนี้เมื่อสมัยสงครามฯ ไว้ให้ชมอีกด้วย
- น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม มีถึง 7 ชั้น ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเอราวัณ บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ปัจจุบันการเดินทางไปสะดวกมาก โดยผ่านทางตลาด เขื่อนศรีนครินทร์แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปอีก 3 กิโลเมตร
- ถ้ำพระธาตุภายในถ้ำเป็นหินงอกหินย้อยลัดเหลี่ยมกันสวยงาม การเดินทางไปต้องผ่านเข้าในเขต เขื่อนศรีนครินท์ก่อน แล้วเลี้ยวซ้ายแยกขึ้นเขาไปตามถนนลูกรังประมาณ 8 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวควรใช้ ความระมัดระวังในการขับรถให้มาก และควรติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ณ ที่ทำการซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาให้เป็นผู้ นำทางเข้าชมภายในถ้ำด้วย
- น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น (ศรีนครินทร์) เป็นน้ำตกที่ไหลบ่าลงมาซอยเป็นชั้นๆ ผ่านหินงอกหินย้อยแลดู เป็นม่านงดงามยิ่ง ทั่วบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด สามารถเดินทางไปได้ทั้งทางรถยนต์และทางเรือ
สถานที่ท่องเที่ยงภายในเขื่อน
สถานที่ท่องเที่ยวในเขื่อนศรีนครินทร์
ถ้ำสวรรค์ เป็นถ้ำที่เพิ่งค้นพบใหม่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
บริเวณหมู่บ้านต้นมะพร้าว ตำบลแม่กระมุง อำเภอศรีสวัสดิ์
ลักษณะถ้ำเป็นเหมือนอุโมงค์ธรรมชาติ กว้าง 9 เมตร สูง 9 เมตร
ยาว 150 เมตร ที่ผนังถ้ำจะมีภาพวาดของคนโบราณ การเดินทาง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
15 กิโลเมตร ตามเส้นทางน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น-น้ำตกเอราวัณ เลี้ยวขวาบริเวณโรงเรียนบ้านต้นมะพร้าว
เข้าไปอีก 1.5 กิโลเมตร
ถึงหมู่บ้านต้นมะพร้าว ขับรถผ่านหมู่บ้านเข้าไปอีก 500 เมตร ก็จะถึงปากถ้ำ ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ และควรติดต่อชาวบ้านในหมู่บ้านต้นมะพร้าวเป็นผู้นำชม
ถ้ำเนรมิต เป็นถ้ำขนาดใหญ่แบ่งเป็นหลายห้องมีหินงอกหินย้อยรูปทรงต่าง
ๆ แปลกตา และสวยงามมาก ตั้งอยู่ก่อนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
10 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวไปทางวัดถ้ำเนรมิตอีก 2 กิโลเมตรและเดินเท้าต่ออีก 300 เมตร
และห่างไปอีก 4 กิโลเมตรยังมีถ้ำใหญ่อีก 3 ถ้ำ ได้แก่ ถ้ำน้ำมุด
ถ้ำพระปรางค์และถ้ำพระโค ควรติดต่อผู้นำชมหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของทางอุทยานฯ
เขื่อนศรีนครินทร์ การเดินทางควรใช้รถกระบะหรือรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ถ้ำน้ำมุด อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
บริเวณหมู่บ้านน้ำมุด ตำบลแม่กระบุง ปากถ้ำกว้าง 15
เมตร สูง 10 เมตร ภายในถ้ำเป็นโพรงลึกมีธารน้ำไหลออกมาจากถ้ำตลอดเวลา
ถ้ำพระปรางค์ เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่มีความใหญ่โตและสวยงาม
อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ บริเวณบ้านน้ำมุด ตำบลแม่กระบุง
ภายในถ้ำแบ่งเป็นห้องต่างๆ หลายห้องแต่ละห้องมีหินงอกหินย้อยให้ชม
การเดินทาง ใช้เส้นทางน้ำตกเอราวัณ น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ก่อนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น 11
กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าวัดน้ำมุดเข้าไป 500 เมตร อ้อมไปทางด้านหลังวัด
จอดรถไว้ที่เชิงเขาจะมีทางขึ้นถ้ำระยะทาง 400 เมตร จากจุดจอดรถ
ถ้าเดินขึ้นเขาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 130 เมตร จะพบถ้ำอีกแห่งหนึ่งชื่อ
ถ้ำพระโค
พันธ์ไม้และสัตว์ป่า
พันธ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์สามารถแบ่งออกเป็น
3 ประเภท ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ
พบขึ้นปกคลุมเป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่ในบริเวณค่อนข้างราบถึงเนินเขา
ในบางพื้นที่จะพบไม้ไผ่ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มหนาแน่นมาก
มีไม้ยืนต้นอื่นขึ้นแทรกอยู่บ้างเพียงประปราย พบมากในบริเวณตอนกลางติดกับชายฝั่งอ่างเก็บน้ำ
ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ แดง มะค่าโมง ประดู่ รกฟ้า มะกอกป่า กระโดน
ตะแบก ไผ่บง ไผ่รวก และไผ่ซาง มีสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในสังคมป่าชนิดนี้ได้แก่
ลิงกัง พญากระรอกดำ เม่นใหญ่แผงคอสั้น หมาจิ้งจอก หมาไน กระทิง ช้างป่า
เหยี่ยวกิ้งก่าสีดำ ไก่ป่า นกเขาเปล้าธรรมดา นกกะเต็นแดง นกโพระดกธรรมดา
นกแอ่นฟ้าหงอน นกกระรางสร้อยคอใหญ่ นกจับแมลงคอสีฟ้า เต่าเหลือง ตะกวด
จิ้งเหลนภูเขาเกล็ดเรียบ งูเหลือม งูหมอก งูปี่แก้วลายหัวใจ และกบหนอง เป็นต้น
ส่วนบริเวณยอดเขาหินปูนที่เป็นสังคมป่าชนิดนี้จะพบเลียงผาอาศัยอยู่
ป่าเต็งรัง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง แดง ตะคร้อ ฯลฯ พืชพื้นล่างเป็นพวก เป้งดอย ปรงป่า และไผ่เพ็ก สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณสังคมพืชป่าเต็งรัง ได้แก่ กระรอกปลายหางดำ กระจงเล็ก กวางป่า นกกระรางหัวขวาน นกตีทอง นกหัวขวานสี่นิ้วหลังทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกแซงแซวหางปลา ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกหางหนาม จิ้งเหลนหลากหลาย งูกะปะ เป็นต้น
ป่าดิบแล้ง พบขึ้นประปรายอยู่ทั่วเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ มักจะพบในบริเวณที่อยู่ทางด้านรับลมที่พัดพาฝนมาปะทะภูเขา หรืออยู่ริมสองฝั่งของลำธาร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะเคียนหิน มะเกิ้ม ยมหิน กระเบากลัก ยมหอม สมพง งิ้วป่า พลอง ขะเจ๊าะ กระโดน และเปล้า เป็นต้น สัตว์ป่าที่พบได้แก่ ลิงลม ค่างแว่นถิ่นเหนือ ชะนีมือขาว พญากระรอกบินหูแดง หมาไม้ อีเห็นธรรมดา เสือโคร่ง ไก่ฟ้าหลังเทา นกเขาเขียว นกตะขาบดง นกแก๊ก นกกก นกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ เต่าหก เหี้ย งูลายสาบคอแดง งูเขียวหางไหม้ท้องเขียว งูหลาม และเขียดตะปาด เป็นต้น
บริเวณอ่างเก็บน้ำและลำห้วยต่างๆ สัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่พบอาศัยอยู่ได้แก่ คางคกแคระ เขียดอ่อง กบทูด กบชะง่อนหินเมืองเหนือ ปาดลายหินเมืองเหนือ อึ่งแม่หนาว ปลากราย ปลากระสูบขีด ปลากดเหลือง ปลาชะโด ปลาเวียน ปลาปลาเลียหิน ปลากระทิงดำ เป็นต้น สำหรับในบริเวณพื้นที่ที่ถูกราษฎรบุกรุกเข้าไปเพื่อปลูกพืชเกษตรภายหลังได้อพยพออกไปแล้ว และบริเวณริมอ่างเก็บน้ำที่ถูกตัดต้นไม้ออกหมด สัตวป่าที่อาศัยอยู่ได้แก่ เก้ง กระต่ายป่า อ้น นกยางกรอกพันธุ์จีนนกยางโทนใหญ่ นกกระแตแต้แว้ด นกกระปูดใหญ่ นกอีวาบตั๊กแตน นกตะขาบทุ่ง นกปรอดสวน กิ้งก่าแก้ว กิ้งก่าหัวแดง แย้ อึ่งอ่างบ้าน และอึ่งขาดำ เป็นต้น
ป่าเต็งรัง ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง แดง ตะคร้อ ฯลฯ พืชพื้นล่างเป็นพวก เป้งดอย ปรงป่า และไผ่เพ็ก สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณสังคมพืชป่าเต็งรัง ได้แก่ กระรอกปลายหางดำ กระจงเล็ก กวางป่า นกกระรางหัวขวาน นกตีทอง นกหัวขวานสี่นิ้วหลังทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกแซงแซวหางปลา ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกหางหนาม จิ้งเหลนหลากหลาย งูกะปะ เป็นต้น
ป่าดิบแล้ง พบขึ้นประปรายอยู่ทั่วเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ มักจะพบในบริเวณที่อยู่ทางด้านรับลมที่พัดพาฝนมาปะทะภูเขา หรืออยู่ริมสองฝั่งของลำธาร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะเคียนหิน มะเกิ้ม ยมหิน กระเบากลัก ยมหอม สมพง งิ้วป่า พลอง ขะเจ๊าะ กระโดน และเปล้า เป็นต้น สัตว์ป่าที่พบได้แก่ ลิงลม ค่างแว่นถิ่นเหนือ ชะนีมือขาว พญากระรอกบินหูแดง หมาไม้ อีเห็นธรรมดา เสือโคร่ง ไก่ฟ้าหลังเทา นกเขาเขียว นกตะขาบดง นกแก๊ก นกกก นกไต่ไม้หน้าผากกำมะหยี่ เต่าหก เหี้ย งูลายสาบคอแดง งูเขียวหางไหม้ท้องเขียว งูหลาม และเขียดตะปาด เป็นต้น
บริเวณอ่างเก็บน้ำและลำห้วยต่างๆ สัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่พบอาศัยอยู่ได้แก่ คางคกแคระ เขียดอ่อง กบทูด กบชะง่อนหินเมืองเหนือ ปาดลายหินเมืองเหนือ อึ่งแม่หนาว ปลากราย ปลากระสูบขีด ปลากดเหลือง ปลาชะโด ปลาเวียน ปลาปลาเลียหิน ปลากระทิงดำ เป็นต้น สำหรับในบริเวณพื้นที่ที่ถูกราษฎรบุกรุกเข้าไปเพื่อปลูกพืชเกษตรภายหลังได้อพยพออกไปแล้ว และบริเวณริมอ่างเก็บน้ำที่ถูกตัดต้นไม้ออกหมด สัตวป่าที่อาศัยอยู่ได้แก่ เก้ง กระต่ายป่า อ้น นกยางกรอกพันธุ์จีนนกยางโทนใหญ่ นกกระแตแต้แว้ด นกกระปูดใหญ่ นกอีวาบตั๊กแตน นกตะขาบทุ่ง นกปรอดสวน กิ้งก่าแก้ว กิ้งก่าหัวแดง แย้ อึ่งอ่างบ้าน และอึ่งขาดำ เป็นต้น
ประโยชน์ของเขื่อน
ประโยชน์ของเขื่อนศรีนครินทร์
จังหวัดกาญจนบุรี
เขื่อนศรีนครินทร์เป็นโครงการเอนกประสงค์
ซึ่งอำนวยประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- การชลประทาน ช่วยส่งเสริมระบบชลประทานโครงการแม่กลองใหญ่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีเขื่อนวชิราลงกรณ์ ของกรมชลประทาน เป็นหัวงานทดน้ำเข้าสู่พื้นที่การเกษตรได้ตลอดปี เป็นเนื้อที่ถึง ๔,๑๑๘ ล้านไร่
- การผลิตไฟฟ้า หากติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าครบ ๕ ชุด ตามโครงการที่วางไว้ จะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยประมาณ ๑,๒๕๐ ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง
- บรรเทาอุทกภัย สามารถกักเก็บน้ำที่หลากมาในช่วงฤดูฝนไว้ในอ่างเก็บน้ำได้เป็นจำนวนมาก ช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแม่กลองให้ลด น้อยลง
- การคมนาคมทางน้ำ สามารถใช้เป็นเส้นทางเดินเรือขึ้นไปยังบริเวณอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ได้อย่าง สะดวกและรวดเร็วขึ้น
- ช่วยผลักดันน้ำเค็ม สามารถปล่อยน้ำลงไปผลักดันน้ำเค็ม มิให้หนุนล้ำเข้ามาทำความเสียหายแก่พื้นที่บริเวณปากแม่น้ำ แม่กลองในช่วงฤดูแล้ง
- การประมง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ ช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง
- การท่องเที่ยว เขื่อนศรีนครินทร์นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้มาเที่ยวชม
ลักษณะของเขื่อน
ลักษณะเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี
- เป็นเขื่อนประเภทหินทิ้ง แกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
- มีความสูงจากฐานราก ๑๔๐ เมตร ความยาวสันเขื่อน ๖๑๐ เมตร ความกว้างสันเขื่อน ๑๕ เมตร
- อ่างเก็บน้ำมีพื้นที่ ๔๑๙ ตารางกิโลเมตร มีความจุมากถึง ๑๗,๗๔๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับเก็บน้ำสูง ๑๘๐ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
- โรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้า จำนวน ๕ เครื่อง รวมกำลังการผลิต ทั้งสิ้น ๗๒๐,๐๐๐ กิโลวัตต์ โดยแบ่งเป็นเครื่อง ๑-๓ กำลังผลิตเครื่องละ ๑๒๐,๐๐๐ กิโลวัตต์ เครื่องที่ ๔-๕ กำลังผลิตเครื่องละ ๑๘๐,๐๐๐ กิโลวัตต์
- สำหรับเครื่องผลิตไฟฟ้าเครื่องที่ ๔ และเครื่องที่ ๕ นี้ มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถเปลี่ยนเป็นระบบสูบน้ำกลับ ขึ้นมาเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำได้อีกครั้งหนึ่ง ในกรณีที่ทางกรมชลประทานไม่ต้องการน้ำ
- เขื่อนศรีนครินทร์เป็นเขื่อนแห่งแรกในประเทศไทยที่มีระบบสูบน้ำกลับ
นับเป็นการบริหารทรัพยากรน้ำให้เกิด ประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง
ลักษณะทางภูมิศาสตร์และเส้นทางคมนาคม
ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ส่วนหนึ่งเกิดจากสร้างเขื่อนศรีนครินทร์กั้นขวางแม่น้ำแม่กลอง (แควใหญ่) โดยมีแม่น้ำ ลำห้วย ลำธารที่สำคัญหลายสายไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เช่น ห้วยแม่ขมิ้น ห้วยขาแข้ง ห้วยแม่วง ห้วยเกรียงไกร และห้วยแม่พลู เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีลำห้วยลำธารอีกหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยบริเวณเขตอำเภอไทรโยค เช่น ห้วยลิ่นถิ่น เป็นต้น สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนและหินตะกอนเป็นส่วนใหญ่ ระดับความสูง สูงสุดประมาณ 1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยมีความสูงเฉลี่ยประมาณ 400 เมตร พื้นที่น้ำในทะเลสาบเหนือเขื่อนศรีนครินทร์มีระดับความสูงสุดประมาณ 180 เมตรจากระดับ น้ำทะเลปานกลาง
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เป็นพื้นที่เงาฝน (rain shadow) ทำให้มีฝนตกน้อย อากาศร้อนจัดในฤดูร้อน และหนาวจัดในฤดูหนาว โดยมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 44-45 องศาเซล-เซียสในเดือนเมษายน อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนธันวาคมประมาณ 8-9 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซล-เซียส ช่วงฤดูฝนเริ่มตกจากกลางเดือนเมษายน และสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 1,600 มิลลิเมตร
เส้นทางการคมนาคม
เขื่อนศรีนครินทร์ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 200 กิโลเมตร สามารถเดินทางแบบ เช้าไปเย็นกลับ หรือแบบพักแรมตามใจชอบ การเดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปตามถนนเพชรเกษม (หมายเลข 4) หรือสายบรมราชชนนี (หมายเลข 338) ผ่านอำเภอนครชัยศรี-จังหวัดนครปฐม อำเภอบ้านโป่ง-ท่ามะกา-ท่าม่วง เข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี แล้วเดินทางต่อ ตรงผ่านแยกแก่งเสี้ยน ไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 (กาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์) ผ่านตำบลลาดหญ้า และเขื่อนท่าทุ่งนา อีกเป็นระยะทาง 64 กิโลเมตร ก็จะถึงเขื่อนศรีนครินทร์ หากเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี หรือโดยรถไฟสายท่องเที่ยวจากสถานีรถไฟบางกอกน้อย (ธนบุรี) ก็สามารถต่อรถโดยสารประจำทางที่ท่ารถในอำเภอเมือง มาลง
การก่อสร้างเขื่อนศรีนครินทร์
การก่อสร้างเขื่อน
การก่อสร้างและติดตั้งระยะแรก (เครื่องที่ 1-2-3) สำหรับการเตรียมการก่อสร้างเขื่อนนั้น ได้เจาะอุโมงค์น้ำตามแนว อุโมงค์ผันน้ำ ที่ได้ออกแบบไว้เพื่อการศึกษาทางด้านธรณีวิทยาเพิ่มเติม และเพื่อทำการอัดฉีดน้ำปูนป้องกันการรั่วซึม ในเรื่องของการก่อสร้างตัวเขื่อนนั้น ได้เริ่มจากงานฐานราก ขุดลอกดิน และผิวหน้าออก อัดฉีดน้ำปูนเพื่อป้องกันการรั่วซึม จากนั้นก็ได้เริ่มงานถมดินและบดอัดดินเหนียว ในส่วนที่เป็นแกนเขื่อน ถมกรวดทรายที่เป็นผนังติดกับแกนเขื่อน และถมหิน การก่อสร้างได้เริ่มไปพร้อมๆกันจนตัวเขื่อนแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม
พ.ศ. 2521ต่อจากนั้นก็เริ่มดำเนินงานติดตั้งอุปกรณ์เครื่องกลไฟฟ้า ซึ่งได้แก่ปั้นจั่นประจำโรงไฟฟ้า เครื่องกังหันน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า อุปกรณ์ภายในโรงไฟฟ้าและลานไกไฟฟ้า ด้านอ่างเก็บน้ำ ได้เริ่มทำการกักเก็บน้ำเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา
การก่อสร้างและติดตั้งระยะแรก (เครื่องที่ 1-2-3) สำหรับการเตรียมการก่อสร้างเขื่อนนั้น ได้เจาะอุโมงค์น้ำตามแนว อุโมงค์ผันน้ำ ที่ได้ออกแบบไว้เพื่อการศึกษาทางด้านธรณีวิทยาเพิ่มเติม และเพื่อทำการอัดฉีดน้ำปูนป้องกันการรั่วซึม ในเรื่องของการก่อสร้างตัวเขื่อนนั้น ได้เริ่มจากงานฐานราก ขุดลอกดิน และผิวหน้าออก อัดฉีดน้ำปูนเพื่อป้องกันการรั่วซึม จากนั้นก็ได้เริ่มงานถมดินและบดอัดดินเหนียว ในส่วนที่เป็นแกนเขื่อน ถมกรวดทรายที่เป็นผนังติดกับแกนเขื่อน และถมหิน การก่อสร้างได้เริ่มไปพร้อมๆกันจนตัวเขื่อนแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม
พ.ศ. 2521ต่อจากนั้นก็เริ่มดำเนินงานติดตั้งอุปกรณ์เครื่องกลไฟฟ้า ซึ่งได้แก่ปั้นจั่นประจำโรงไฟฟ้า เครื่องกังหันน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า อุปกรณ์ภายในโรงไฟฟ้าและลานไกไฟฟ้า ด้านอ่างเก็บน้ำ ได้เริ่มทำการกักเก็บน้ำเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา
ประวัติและความเป็นมา
ประวัติเขื่อนศรีนครินทร์
เขื่อนศรีนครินทร์ (ชื่อเดิม เขื่อนเจ้าเณร) เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้น บนแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี นับเป็น เขื่อนแห่งที่ 8 ในจำนวน 17 แห่ง ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างขึ้นเพื่อ อำนวยประโยชน์ทางด้านต่างๆ ตลอดจนช่วยพัฒนาชีวการศึกษาโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแควใหญ่เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2448 แต่ยังไม่ละเอียดนัก ในปี พ.ศ. 2508 กฟผ. ได้ทำการศึกษารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแควใหญ่ และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจตามลำน้ำแควใหญ่ เพื่อหาข้อมูลมาประกอบการพิจารณาที่ตั้งเขื่อน ได้เห็นว่าบริเวณบ้านเจ้าเณร เป็นที่ที่เหมาะสมอีกแห่งหนึ่ง และในปี พ.ศ. 2509 นี้เอง กฟผ. ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินงานภาคสนาม ในปี พ.ศ. 2510 ได้สำรวจเพื่อหาข้อมูลในด้านต่างๆ เช่น การทำแผนที่ภูมิประเทศ งานสำรวจทางธรณีวิทยา เก็บข้อมูลทางอุทกวิทยา และสำรวจแหล่งวัสดุ ฯลฯ เป็นต้น การเลือกที่ตั้งเขื่อนบนลำน้ำแควใหญ่นั้น พิจารณาเห็นว่าที่บ้านเจ้าเณรเหมาะสมที่สุด
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้เลือกที่ตั้งเขื่อน ที่บ้านเจ้าเณร เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2513 ได้ทำการศึกษา และสำรวจรายละเอียดของโครงการ รวมทั้งการทดลอง การทดสอบในสนาม และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ กฟผ. ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2516 กฟผ. ได้ดำเนินงานก่อสร้างเขื่อน (ศรชี้ในรูปคือจุดสร้างเขื่อน) และอาคารประกอบ พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เครื่อง มีกำลังผลิตเครื่องละ 120,000กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 360,000 กิโลวัตต์ ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 1,028 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
เขื่อนศรีนครินทร์ (ชื่อเดิม เขื่อนเจ้าเณร) เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้น บนแม่น้ำแควใหญ่ บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี นับเป็น เขื่อนแห่งที่ 8 ในจำนวน 17 แห่ง ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างขึ้นเพื่อ อำนวยประโยชน์ทางด้านต่างๆ ตลอดจนช่วยพัฒนาชีวการศึกษาโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแควใหญ่เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2448 แต่ยังไม่ละเอียดนัก ในปี พ.ศ. 2508 กฟผ. ได้ทำการศึกษารายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแควใหญ่ และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจตามลำน้ำแควใหญ่ เพื่อหาข้อมูลมาประกอบการพิจารณาที่ตั้งเขื่อน ได้เห็นว่าบริเวณบ้านเจ้าเณร เป็นที่ที่เหมาะสมอีกแห่งหนึ่ง และในปี พ.ศ. 2509 นี้เอง กฟผ. ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินงานภาคสนาม ในปี พ.ศ. 2510 ได้สำรวจเพื่อหาข้อมูลในด้านต่างๆ เช่น การทำแผนที่ภูมิประเทศ งานสำรวจทางธรณีวิทยา เก็บข้อมูลทางอุทกวิทยา และสำรวจแหล่งวัสดุ ฯลฯ เป็นต้น การเลือกที่ตั้งเขื่อนบนลำน้ำแควใหญ่นั้น พิจารณาเห็นว่าที่บ้านเจ้าเณรเหมาะสมที่สุด
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้เลือกที่ตั้งเขื่อน ที่บ้านเจ้าเณร เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2513 ได้ทำการศึกษา และสำรวจรายละเอียดของโครงการ รวมทั้งการทดลอง การทดสอบในสนาม และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ กฟผ. ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2516 กฟผ. ได้ดำเนินงานก่อสร้างเขื่อน (ศรชี้ในรูปคือจุดสร้างเขื่อน) และอาคารประกอบ พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 เครื่อง มีกำลังผลิตเครื่องละ 120,000กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิตไฟฟ้า 360,000 กิโลวัตต์ ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 1,028 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)